vipmaxbet-Play Baccarat-online
สอนเล่น casino

วิธีการเล่นบาคาร่าออนไลน์แบบเข้าใจง่ายและละเอียดมากที่สุด

ในวงการเกมการพนัน บาคาร่า เป็นเกมที่เข้าใจได้ง่ายมากที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะเป็นเกมที่ใช้อุปกรณ์ในการเล่นด้วยไพ่เหมือนกับเกมพนันอีกชนิดหนึ่งของประเทศไทย คือ ป๊อกเด้ง ด้วยรู้แบบวิธีการเล่นใกล้เคียงกันแต่มีบางส่วนแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย เพราะ ป๊อกเด้งเล่นกันเป็นวงโดยมีการเล่นอาจจะเล่นตั้งแต่ 3-4 คนขึ้นไปเป็นวงมีเจ้ามือในการเล่นไพ่ด้วย แต่ บาคาร่านั้นจะแจกไพ่เพียงแค่ 2 ฝั่งเท่านั้น เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายสำหรับนักพนันมือใหม่ การอธิบายครั้งนี้จะสอนวิธีการและรูปแบบเล่นบาคาร่าให้เข้าใจโดยละเอียดมากที่สุด สามารถนำเอาไปใช้เล่นบาคาร่าได้จริง

รูปแบบในการวางเงินเดิมพันของบาคาร่า

ในการเล่น บาคาร่า นั้นจะมีการแบ่งฝ่ายออกเป็น 2 ฝั่ง คือ Player และ Banker ซึ่งสามารถวางเงินเดิมพันและได้รับเงินเดิมพันตามลักษณะนี้

หากวางเงินเดิมพันที่ Player ว่าจะมีแต้มสูงมากกว่า จะได้รับเงินในอัตราการจ่ายอยู่ที่ 1:1
หากวางเงินเดิมพันที่ Banker ว่าจะมีแต้มสูงมากกว่า จะได้รับเงินในอัตราการจ่ายอยู่ที่ 1:0.95
หากวางเงินเดิมพันที่ TieGame ว่าทั้งสองฝั่งจะมีแต้มออกมาที่เสมอ จะได้รับเงินในอัตราการจ่ายอยู่ที่ 1:8

หากวางเงินเดิมพันที่ Player Pair ว่าจะมีแต้มสูงมากกว่า และ มีตัวเลขเหมือนกัน เช่น เลข 4 เป็นจำนวน 2 ใบ จะได้รับเงินในอัตราการจ่ายอยู่ที่ 1:11
หากวางเงินเดิมพันที่ Banker Pair ว่าจะมีแต้มสูงมากกว่า และ มีตัวเลขเหมือนกัน เช่น เลข 4 เป็นจำนวน 2 ใบ จะได้รับเงินในอัตราการจ่ายอยู่ที่ 1:11

กฎในการแจกไพ่ของเกมบาคาร่าเพื่อนับแต้ม

กฎที่ง่ายและตายตัวมากที่สุดของเกม บาคาร่า นั้นคือ ไพ่ฝ่ายไหนก็ตามที่มีแต้มใกล้เคียงกับ 9 มากที่สุดจะเป็นฝ่ายที่ชนะไป ซึ่งจำนวนแต้มในการนับไพ่ 10/K/Q/J จะถูกแทนค่าที่แต้ม 0 ส่วน A จะถูกแทนค่าที่ 1 แต้ม ยกตัวอย่างการนับแต้มบนหน้าไพ่ 2 ใบ เช่น ได้ 6 กับ 7 เมื่อนำตัวเลขมารวมกันจะเป็น 13 แต้ม และ ตัดจำนวน 10 ทิ้งเท่ากับว่าจะมีแต้มทั้งหมดเท่ากับ 3 แต้ม และ ในกรณีนี้จำเป็นที่จะต้องเรียกไพ่เพิ่มเนื่องจากมีแต้มต่ำกว่า 4 และ เมื่อได้ไพ่ใบที่ 3 เป็น 9 ให้นำมารวมกันกับ แต้มของไพ่ 2 ใบแรก คือ 6+7+9 จะได้แต้มทั้งหมด 22 แต้ม เมื่อตัดตัวเลขจำนวนหลัก 10 ทิ้งกรณีนี้คือ 20 เท่ากับว่าจะเหลือ 2 แต้ม
ไพ่แนชเชอรัล หรือ ที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่าป๊อก นั่นคือการที่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้แต้มอยู่ที่ 8 หรือ 9 แต้ม จากการรวมแต้มไพ่เริ่มต้น 2 ใบแรก ซึ่งกรณีนี้จะทำให้เกมหยุดทันทีและทำการเทียบผลของแต้มจากทั้ง 2 ฝ่าย นั่นคือ Player และ Banker ยกตัวอย่าง
ไพ่ 2 ใบแรกฝ่าย Player มีแต้มรวมกันได้ 8 แต้ม ส่วนฝ่าย Banker มีแต้ม 2 ใบแรกรวมกัน ได้เท่ากับ 6 แต้ม ฝ่าย Player จะกลายเป็นผู้ชนะโดยที่จะหยุดเกมเอาไว้ตั้งแต่ตอนนั้น แต่หากว่า ไพ่ 2 ใบแรกฝ่าย Player มีแต้มรวมกันได้ 8 แต้ม ส่วนฝ่าย Banker มีแต้ม 2 ใบแรกรวมกัน ได้เท่ากับ 9 แต้ม ฝ่าย Banker จะกลายเป็นผู้ชนะ และเกมก็จะหยุดเกมเช่นกัน

วิธีการเรียกไพ่ใบที่ 3 ของเกมบาคาร่า

สำหรับฝ่าย Player ในกรณีที่ ไพ่รวม 2 ใบแรกนั้นมีแต้มอยู่ที่ 0-5 แต้มจะต้องทำการเรียกไพ่เพิ่มทุกครั้งยกเว้นในกรณีที่ Banker ได้ไพ่แนชเชอรัล ในกรณีที่ ไพ่รวม 2 ใบแรกนั้นมีแต้มอยู่ที่ 6-7 ไม่ต้องเรียกไพ่เพิ่ม ในกรณีที่ ไพ่รวม 2 ใบแรกนั้นมีแต้มอยู่ที่ 8-9 (แนชเชอรัล) ไม่ต้องเรียกไพ่เพิ่ม และ เกมหยุดทันที

สำหรับฝ่าย Banker ในกรณีที่ ไพ่รวม 2 ใบแรก รวมกันได้ 3 แต้ม และ ฝ่าย Player เรียกไพ่ใบที่ 3 รวมกันแล้วได้ 8 เกมจะหยุดทันที

สำหรับฝ่าย Banker ในกรณีที่ ไพ่รวม 2 ใบแรก รวมกันได้ 4 แต้ม และ ฝ่าย Player เรียกไพ่ครับสามใบได้แต้ม 1-3 และ 8-9 เกมจะหยุดทันที

สำหรับฝ่าย Banker ในกรณีที่ ไพ่รวม 2 ใบแรก รวมกันได้ 5 แต้ม และ ฝ่าย Player เรียกไพ่ครับสามใบได้แต้ม 1-4 และ 8-9 เกมจะหยุดทันที

สำหรับฝ่าย Banker ในกรณีที่ ไพ่รวม 2 ใบแรก รวมกันได้ 6 แต้ม และ ฝ่าย Player เรียกไพ่ครับสามใบได้แต้ม 1-5 และ 8-9 เกมจะหยุดทันที

***ในกรณีที่ได้แต้มไพ่ทั้ง 2 ฝั่งเท่ากันจะถือว่าเสมอ ถ้าหาก เลือกเดิมพัน Player หรือ Banker จะทำการคืนเงินให้กับทั้ง 2 ฝ่ายเต็มจำนวน แต่ถ้าหากวางเงินเดิมพัน TieGame ในกรณีนี้จะได้ 8 เท่าจากยอดเงินที่วางเดิมพัน

ทั้งหมดนี่เป็นการเล่นเกม บาคาร่า อย่างละเอียดและครบถ้วนทุกกระบวนการ สำหรับส่วนปลีกย่อยถึงเทคนิคหรือสูตรการเล่นต่างๆนั้น จะศึกษาเพิ่มเติมได้เมื่อมีความเข้าใจ หลังจากทำความเข้าใจเกี่ยวกับบาคาร่าทั้งหมดแล้ว สามารถเปรียบเทียบวิธีการวางแผนการเดินเงิน ที่เซียนพนันเลือกใช้กัน เพราะเกมบาคาร่ายังมีสูตรถึงวิธีการสร้างรายได้อีกมากมายให้ได้นำไปใช้